โรงเรียนอนุบาลหลวงครูวิทยา
174 ถ.ชายน้ำ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช
เรื่อง นวัตกรรมและสารสนเทศเพื่อความก้าวหน้า
นวัตกรรมและสารสนเทศเป็นสิ่งที่จำเป็นและมีความสำคัญอย่างมากต่อการศึกษา ซึ่งโรงเรียนอนุบาลหลวงครูวิทยาได้ เน้นและให้ความสำคัญโดยจัดให้บุคลากรทุกฝ่ายได้รับความรู้ ก้าวทันเทคโนโลยี นำนวัตกรรมและสื่อทางด้านเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพแก่ผู้เรียน ตลอยุทธศาสตร์ที่ ๑ ด้านพัฒนาระบบการเกณฑ์เด็กเข้าเรียนอย่างมีคุณภาพ
วิสัยทัศน์ของโรงเรียนอนุบาลหลวงครูวิทยา ระยะเวลา ๓ ปี (ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๑-๒๕๕๓)
ทางโรงเรียนได้จัดการเรียนรู้ระดับปฐมวัย โดยมุ่งจัดให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ มุ่งเน้นให้ผู้เรียน “เก่ง ดี มีสุข” บุคลากรได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ ชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารงานและพัฒนาโรงเรียน โดยโรงเรียนจัดประสบการณ์การเรียนรู้ มุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อม เพื่อจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้อย่างเหมาะสมกับพัฒนาการและความต้องการของแต่ละวัย ผู้เรียนมีการพัฒนาตนเองทางด้านร่างกาย สมบูรณ์ แข็งแรง มีสุขภาพดี พลานามัยสมบูรณ์ จิตใจร่าเริงแจ่มใส มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รู้จักแก้ปัญหา มีสติปัญญาและศีลธรรม มีความกล้าแสดงออกเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี มีระเบียบวินัย มีความเชื่อมั่นในตนเอง รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ระลึกถึงคุณค่าและรู้จักวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นให้ดำเนินอยู่ต่อไป และชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารงาน อย่างเป็นระบบเต็มศักยภาพ
โรงเรียนอนุบาลหลวงครูวิทยาเดิมชื่อโรงเรียนเกาะจากวิทยา ตั้งอยู่ที่วัดเกาะจาก เลขที่ ๗๓ ม.๑ ตำบลเกาะทวด อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนายประดิษฐ์ สังขศรี เป็นเจ้าของและผู้จัดการนายเฉลิม ศรีวนิช เป็นครูใหญ่ จัดตั้งเมื่อวันที่ ๒๑ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๓ รับนักเรียนชาย–หญิง ตามในอนุญาตเลขที่ ๙๗๕/๒๕๐๓ ต่อมานายประดิษฐ์ สังขศรี ได้โอนกิจการให้นางอิงอร พรหมณะ และย้ายโรงเรียนไปตั้งที่วัดบางบูชา ม.๒ ต.เกาะทวด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๗
ต่อมาในวันที่ ๓๑ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๙ ได้ขออนุญาตสถานที่ตั้งโรงเรียนไปตั้งในเขตเทศบาลเมืองปากพนัง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ณ บ้านเลขที่ ๑๗๔ ถ.ชายน้ำ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นในวันที่ ๑๐ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๓๐ ได้โอนกิจการ มีนางอำไพ เต็มเปี่ยม เป็นผู้จัดการและครูใหญ่ ในวันที่ ๒๐ เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๐ ได้โอนกิจการให้กับนางสาวประภารัตน์ เต็มเปี่ยม จนมาถึงปัจจุบัน
โดยเก็บค่าธรรมเนียมตามใบอนุญาต เลขที่ นศ. ๓๘/๒๕๔๔ เขียนที่ศาลากลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช วันที่ ๓๐ เดือนมีนาคม ๒๕๔๔ ตามคำร้องที่ ๑/๒๕๔๔ ลงวันที่ ๑๒ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๔๔ ของนางสาวประภารัตน์ เต็มเปี่ยม ตำแหน่งผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนอนุบาลหลวงครูวิทยา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เรื่องขออนุญาตเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมการเรียนระดับอนุบาลปีที่ ๑ - ๓ และขออนุญาตเก็บค่าธรรมเนียมอื่น การเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมการเรียนระดับชั้นอนุบาลปีที่ ๑ - ๓ จากเดิมเก็บปีละ ๕๐๐ บาท เป็นเก็บได้ไม่เกินปีละ ๔,๖๖๘ บาท โดยให้แบ่งเก็บเป็น ๒ ครั้ง ๆ ละ เท่าๆ กัน และขออนุญาตเก็บค่าธรรมเนียมอื่นในระดับชั้นอนุบาลปีที่ ๑ – ๓ ได้ดังรายละเอียดตามในอนุญาตฉบับนี้ ตั้งแต่ปีการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นต้นไป
วัตถุประสงค์ โรงเรียนจัดการศึกษาให้แก่ผู้เรียนระดับปฐมวัย จัดการศึกษาตามหลักสูตรก่อนประถมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๔๐ โดยการมุ่งพัฒนาและส่งเสริมผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมาย
โครงสร้างการบริหาร (แผนภูมิ)
โรงเรียนจัดเป็นโรงเรียนขนาดกลาง การบริหารของงานโรงเรียน จึงได้จัดระบบการบริหารด้านโครงสร้างตามความเหมาะสมกับสภาพและขนาดของโรงเรียน แยกเป็น ๗ ฝ่าย คือ
๑. ฝ่ายการเงิน/บัญชี/ธุรการ
๒. ฝ่ายวิชาการ
๓. ฝ่ายกิจการนักเรียน
๔. ฝ่ายบุคลากร
๕. ฝ่ายอาคารสถานที่
๖. ฝ่ายสัมพันธ์ชุมชน
๗. ฝ่ายวัดผลประเมินผล
ได้จัดตามแผนภูมิโครงสร้างการบริหาร มีการจัดแบ่งและมอบหมายงาน ปรากฏตามแผนภูมิดังนี้
สภาพปัญหาหรือสิ่งที่ต้องการพัฒนา
ปัญหาโรงเรียนอนุบาลหลวงครู มีทั้งปัญหาในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านผู้เรียน ด้านบุคลากร ด้านผู้บริหาร ด้านชุมชน แต่การพัฒนายังคงมีต่อเนื่องและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งในการดำเนินการของโรงเรียนเป็นที่ยอมรับและพอใจของผู้ปกครองและชุมชน แต่สิ่งที่โรงเรียนมุ่งมั่นในการพัฒนาคือ
1. นักเรียนมีความรู้ควบคู่กับคุณธรรม ทางโรงเรียนมุ่งเน้นการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้กับผู้เรียน เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข
2. บุคลากรของโรงเรียนมีความภาคภูมิใจในวิชาชีพของตนเอง มุ่งอุทิศตนเพื่อหน้าที่และมุ่งเน้นการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะบริหารงานด้วยใจ ทำให้บุคลากรทำงานอย่างมีความสุข
3. ผู้บริหารนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารงาน มีความเอื้อเฟื้อเข้าใจบุคลากรตลอดจนช่วยเหลือสนับสนุนในความก้าวหน้าของบุคลากร และพัฒนาหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง
4. มุ่งเน้นให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมและมีบทบาทในการพัฒนาผู้เรียน เน้นงานสัมพันธ์ชุมชน
847
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น